เปิดประตูสู่การรักษาดวงตายุคใหม่
ด้วยนวัตกรรมล้ำหน้า ปลอดภัย มาตรฐานระดับสากล

Slide


ก้าวสู่อนาคตของการรักษาตา
ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและทีมแพทย์มืออาชีพ

เพราะดวงตาเป็นสิ่งสำคัญ
ให้จักษุแพทย์เฉพาะทางดูแลคุณ

ต้อเนื้อ (Pterygium)
โรคลุกลามที่บดบังการมองเห็น หากปล่อยไว้อาจทำให้สายตาปิดถาวร

1 | ความหมายของโรคต้อเนื้อ (What is Pterygium?)

ต้อเนื้อ (Pterygium) คือภาวะที่เนื้อเยื่อของเยื่อบุตาขาว (conjunctiva) มีการเจริญเติบโตผิดปกติ แล้วลุกลามเข้าสู่กระจกตา (cornea) ทำให้เห็นเป็นเนื้อสีชมพูอ่อนหรือขาวขุ่นคล้ายปีกนก (จึงมีชื่อในภาษากรีกว่า pterygos แปลว่า ปีก)

ลักษณะของต้อเนื้อ:

  • มักขึ้นที่ หัวตา (ด้านจมูก) และลุกลามเข้าไปที่ตาดำ
  • อาจเกิดที่ หางตา ได้เช่นกัน แต่พบได้น้อยกว่า
  • ถ้าเนื้อลุกลามมาก จะส่งผลกระทบต่อ การมองเห็น เพราะทำให้กระจกตาเปลี่ยนรูปร่าง

2 | สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง (Causes & Risk Factors)

ต้อเนื้อไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากการระคายเคืองเรื้อรังที่ดวงตา โดยมีปัจจัยกระตุ้นหลักคือ:

สาเหตุหลัก:

  • รังสีอัลตราไวโอเลต (UV-B) จากแสงแดด
  • ลม ฝุ่น ควัน และสภาพอากาศที่แห้งหรือร้อน
  • การระคายเคืองจาก สารเคมีหรือแสงจ้า เป็นเวลานาน

ปัจจัยเสี่ยง:

  • คนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตกลางแจ้ง เช่น เกษตรกร ชาวประมง กรรมกร
  • ผู้ที่อาศัยในพื้นที่เขตร้อน เช่น ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • ไม่ใส่แว่นกันแดดหรืออุปกรณ์ป้องกันดวงตา

3 | อาการของโรค (Symptoms)

ผู้ป่วยต้อเนื้ออาจมีอาการได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับระยะของโรค:

อาการทั่วไป:

  • ระคายเคืองตา รู้สึกเหมือนมีฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอมในตา
  • ตาแดงเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณที่มีต้อ
  • แสบตา น้ำตาไหล คันตา

อาการเมื่อรุนแรง:

  • มองเห็นไม่ชัด หากต้อเนื้อบังแนวแสงเข้าสู่ตาดำ
  • สายตาเอียง เพราะกระจกตาเปลี่ยนรูป
  • ปวดตา หรือไวต่อแสง

4 | การรักษา (Treatment)

การรักษาแบ่งตามระยะและความรุนแรง:

  • ระยะแรก (ไม่ลุกลามมาก):
    ใช้ ยาหยอดตา เช่น ยาลดการอักเสบ (Steroid, NSAID) หรือยาหยอดตาเทียม เพื่อบรรเทาอาการระคายเคือง
  • ระยะลุกลามหรือมีผลต่อการมองเห็น:
    การผ่าตัดต้อเนื้อ (Pterygium excision) โดยเฉพาะเมื่อ:

เนื้อเยื่อลุกลามถึงกลางตาดำ มีปัญหาทางสายตาด้านความงามหรือต้องการรักษาเชิงศัลยกรรม

หลังผ่าตัด:

  • อาจใช้การ ปลูกเยื่อบุตาขาว (conjunctival autograft) จากตำแหน่งอื่นในดวงตา เพื่อป้องกันไม่ให้ต้อเนื้อกลับมาอีก ใช้ ยาเคมี Mitomycin-C หรือสารยับยั้งการเจริญของเซลล์ เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

หมายเหตุ: ต้อเนื้อมีโอกาสกลับมาใหม่ได้ แม้หลังการผ่าตัด โดยเฉพาะถ้ายังเผชิญปัจจัยเสี่ยงเดิม

5 | การป้องกัน (Prevention)

วิธีลดความเสี่ยงและชะลอการลุกลาม:

  • ใส่ แว่นกันแดด ที่สามารถกันรังสี UV ได้ทุกครั้งที่ออกแดด
  • ใช้ หมวกปีกกว้าง ป้องกันแสงแดดและฝุ่น
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มี ฝุ่น ควัน หรือสารระคายเคือง เป็นเวลานาน
  • หยุดพักสายตา หากต้องใช้สายตาเป็นเวลานาน
  • หยอด น้ำตาเทียม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง
  • ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ทำงานกลางแจ้ง

6 | การผ่าตัดในโรคต้อเนื้อ (Pterygium Surgery)

เมื่อไรจึงควรผ่าตัด?
การผ่าตัดต้อเนื้อจะพิจารณาในกรณีดังนี้:

  • ต้อเนื้อลุกลามเข้าสู่กระจกตา มากจนเริ่มกระทบต่อการมองเห็น
  • มีอาการระคายเคืองเรื้อรัง แม้รักษาด้วยยาหยอดแล้วไม่ดีขึ้น
  • เหตุผลด้านความงาม เช่น ต้อเนื้อโตเห็นชัดจนทำให้ผู้ป่วยไม่มั่นใจ
  • ทำให้สายตาเอียงหรือผิดปกติ เนื่องจากต้อเนื้อเปลี่ยนรูปร่างกระจกตา

 วิธีการผ่าตัดต้อเนื้อ (Pterygium Excision)
มีหลายเทคนิคในการผ่าตัด ได้แก่:

1.การตัดต้อเนื้ออย่างเดียว (Bare sclera excision)

  • ตัดเอาเนื้อต้อออกโดยไม่ปลูกเนื้อเยื่อปิดบริเวณนั้น
  • ข้อเสีย: โอกาสกลับมาเป็นซ้ำ สูงถึง 30-80%

2.การตัดต้อเนื้อร่วมกับการปลูกเยื่อบุตาขาว (Conjunctival autograft)

  • ตัดต้อเนื้อออก และนำเยื่อบุตาขาวจากบริเวณอื่นของตาผู้ป่วยเองมาปิด
  • วิธีนี้ช่วยลดการกลับเป็นซ้ำได้เหลือเพียง 5-15%

3.การใช้ยา Mitomycin-C ร่วม (MMC adjunct)

  • เป็นสารเคมีที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์
  • ใช้ระหว่างผ่าตัดหรือหลังผ่าตัด ช่วยลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
  • ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจทำให้แผลหายช้า หรือตาแห้งถาวร

การฟื้นตัวหลังผ่าตัด

  • พักสายตาประมาณ 1–2 สัปดาห์
  • ใช้ ยาหยอดตาฆ่าเชื้อ + สเตียรอยด์ ตามแพทย์สั่ง
  • อาจรู้สึกระคายเคืองเล็กน้อยบริเวณแผลผ่าตัด
  • ควรหลีกเลี่ยงฝุ่น ลม แสงแดดแรง และอย่าให้ตาโดนน้ำ

ความเสี่ยงของการผ่าตัด

  • การกลับมาเป็นซ้ำของต้อเนื้อ โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ป้องกัน UV
  • ตาแดงเรื้อรัง แผลผ่าตัดหายช้า
  • กระจกตาถลอก หรือภาวะแทรกซ้อนจากยา Mitomycin-C (ในบางราย)

ต้อลม (Pinguecula)
โรคจากลมที่ลุกลามทำร้ายดวงตา ต้องรักษาอย่างถูกวิธี

1 | ความหมายต้อลม (Pinguecula)

ต้อลม (Pinguecula) คือการหนาตัวหรือการเจริญเติบโตผิดปกติของเยื่อบุตาขาวบริเวณที่ใกล้กับกระจกตา มักมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก สีขาว-เหลือง คล้ายไขมัน อยู่ด้านหัวตาหรือหางตา

แตกต่างจากต้อเนื้อ ตรงที่ต้อลมจะไม่ลุกลามเข้าไปในกระจกตา แต่ถ้าไม่ได้รับการดูแล อาจพัฒนาไปเป็น ต้อเนื้อได้ในอนาคต

2 | สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง (Causes & Risk Factors)

สาเหตุหลักของต้อลม:

  • การระคายเคืองเรื้อรังที่ดวงตา เช่น ฝุ่น ลม ควัน
  • แสงแดด โดยเฉพาะ รังสี UV
  • ภาวะตาแห้งที่ทำให้เยื่อบุตาอักเสบเรื้อรัง

ปัจจัยเสี่ยง:

  • การใช้ชีวิตหรือทำงานกลางแจ้ง โดยไม่สวมแว่นกันแดด
  • อายุที่มากขึ้น (พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ)
  • ผู้ที่อาศัยในสภาพแวดล้อมแห้งและมีแสงแดดแรง เช่น ต่างจังหวัด พื้นที่เขตร้อน

3 | อาการของโรค (Symptoms)

ต้อลมมักไม่มีอาการรุนแรง แต่อาจสร้างความรำคาญหรือลดคุณภาพชีวิตในบางกรณี:

อาการทั่วไป:

  • ตาแดงเล็กน้อยบริเวณที่มีต้อลม
  • รู้สึกแสบตา คันตา หรือเคืองตาเหมือนมีฝุ่นอยู่
  • ตาแห้ง โดยเฉพาะเมื่อโดนลมหรือแสงจ้า
  • บางรายอาจมองเห็นตุ่มนูนสีขาว-เหลืองที่หัวตา
  • ไม่มีผลต่อการมองเห็น

(ต่างจากต้อเนื้อที่สามารถลุกลามเข้าสู่กระจกตา)

4 | การรักษา (Treatment)

ต้อลมส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องรักษาแบบรุกล้ำ เน้นบรรเทาอาการและลดการอักเสบ

แนวทางการรักษา:

  • หยอด น้ำตาเทียม เพื่อบรรเทาอาการตาแห้งและระคายเคือง
  • ใช้ ยาหยอดตาลดการอักเสบ เช่น ยาสเตียรอยด์ในกรณีที่ตาแดงหรือมีอาการมาก
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น ฝุ่น ลม แสงแดด

การผ่าตัด:

  • ไม่จำเป็น ยกเว้นในกรณีที่เนื้อต้อลมโตมากผิดปกติ หรือมีผลกระทบต่อความงามอย่างชัดเจน

5 | การป้องกัน (Prevention)

การป้องกันต้อลมมีความสำคัญมาก เพราะช่วยลดโอกาสเกิดต้อเนื้อในอนาคตได้ด้วย

วิธีป้องกัน:

  • สวม แว่นกันแดดที่ป้องกันรังสี UV ทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน
  • ใช้ หมวกปีกกว้าง ป้องกันแดดและฝุ่น
  • หลีกเลี่ยงลมแรง ฝุ่น และควัน โดยเฉพาะผู้ทำงานกลางแจ้ง
  • หยอด น้ำตาเทียม หากมีอาการตาแห้งหรือระคายเคืองบ่อย
  • พักสายตาเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อจ้องหน้าจอนาน ๆ

6 | การผ่าตัดต้อลม (Pinguecula Excision)

กรณีที่ควรพิจารณาผ่าตัด
มีปัญหาทางความงาม (Cosmetic concern)

  • ต้อลมมีขนาดใหญ่ เห็นชัด เป็นก้อนนูนสีเหลือง-ขาว ที่ทำให้ผู้ป่วยไม่มั่นใจ
  • พบได้บ่อยในคนที่มีอาชีพที่ต้องพบปะผู้คนหรืออยู่หน้ากล้อง เช่น ดารา ครู แอร์โฮสเตส
  • มีอาการระคายเคืองมาก (Severe discomfort)
  • ต้อลมอาจทำให้ระคายเคือง แสบตา คันตาเรื้อรัง ไม่ตอบสนองต่อยาหยอด
  • รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น อ่านหนังสือ ขับรถ จ้องหน้าจอ
  • กระทบการใส่คอนแทคเลนส์
  • ต้อลมที่โตมากอาจทำให้เลนส์สัมผัสตาไม่สบายหรือเลื่อนง่าย

วิธีการผ่าตัด
เทคนิคการผ่าตัด

  • เป็น การผ่าตัดเล็ก (Minor surgery) ใช้เวลาไม่นาน (ประมาณ 20–30 นาที)
  • ทำภายใต้ ยาชาเฉพาะที่

ศัลยแพทย์จะทำการ:

  • ตัดเอาเนื้อต้อลมออกจากเยื่อบุตาขาว
  • ล้างตาและดูแลแผลให้เรียบร้อย

การปลูกเยื่อบุตาขาว

  • โดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องปลูกเยื่อบุตาขาว (ต่างจากต้อเนื้อ)
  • หากแผลมีขนาดใหญ่หรือเพื่อป้องกันแผลนูน อาจพิจารณาปลูกเยื่อจากตาส่วนอื่นได้ตามดุลยพินิจแพทย์

การฟื้นตัวหลังผ่าตัด
ระยะพักฟื้น:

  • อาการปวดหรือระคายเคืองเล็กน้อยใน 1–2 วันแรก
  • ตาอาจแดงบริเวณที่ผ่าตัด ประมาณ 1–2 สัปดาห์

การดูแลหลังผ่าตัด:

  • หยอดยาฆ่าเชื้อและยาลดการอักเสบ (เช่น ยาหยอดสเตียรอยด์)
  • หลีกเลี่ยงฝุ่น ลม และแสงแดดจัดในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก
  • ห้ามขยี้ตาและระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน

  • ตาแดงเรื้อรังบริเวณแผล
  • แผลผ่าตัดนูน หรือเกิดพังผืดใต้เยื่อบุตา
  • โอกาสกลับมาเป็นซ้ำมีน้อย แต่เกิดได้หากยังมีปัจจัยกระตุ้น เช่น โดนแดดหรือฝุ่นเรื้อรัง

ต้อหิน (Glaucoma)
โรคเงียบที่ทำลายเส้นประสาทตา หากไม่รักษาอาจตาบอดถาวร

1 | ความหมายของโรคต้อหิน (What is Glaucoma?)

ต้อหิน คือโรคที่เกิดจากการที่ ความดันในลูกตาสูง หรือเส้นประสาทตามีความไวต่อความดันผิดปกติ ทำให้เกิด การทำลายเส้นประสาทตาอย่างช้าๆ จน สูญเสียลานสายตา และอาจ ตาบอดถาวร ได้ หากไม่รักษา

  •  โรคนี้มักไม่มีอาการในระยะแรก ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว
  •  การตรวจตาเป็นประจำคือกุญแจสำคัญในการป้องกันการตาบอด

2 | สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง (Causes & Risk Factors)

สาเหตุ:
ระบบระบายน้ำในตาทำงานผิดปกติ → น้ำในตาสะสม → ความดันลูกตาสูง

ปัจจัยเสี่ยง:

  • อายุ > 40 ปี
  • มีคนในครอบครัวเป็นต้อหิน
  • สายตาสั้นหรือยาวมาก
  • โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
  • การใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำ
  • อุบัติเหตุหรือผ่าตัดตามาก่อน

3 | อาการของโรค (Symptoms)

ต้อหินมุมเปิด (Open-angle glaucoma)

  • ไม่มีอาการในช่วงแรก
  • ลานสายตาด้านข้างหายไปเรื่อยๆ
  • อาจไม่รู้ตัวจนสายตากลางเสีย

ต้อหินมุมปิด (Angle-closure glaucoma)

  • ปวดตาเฉียบพลัน ตาแดง
  • ตาพร่ามัว เห็นแสงรุ้งรอบดวงไฟ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ตาแข็งมากเมื่อลองคลำ

4 | การรักษา (Treatment)

1. ยาหยอดตา

  • ลดการสร้างน้ำในลูกตา หรือเพิ่มการระบาย
  • ต้องหยอดต่อเนื่องตลอดชีวิต
  • เช่น: Latanoprost, Timolol, Brimonidine, Dorzolamide

2. การยิงเลเซอร์

  • เลเซอร์เปิดมุมตา (trabeculoplasty) – มุมเปิด
  • เลเซอร์เจาะม่านตา (iridotomy) – มุมปิด

5 | การป้องกัน (Prevention)

 สิ่งที่ควรทำ

  • ตรวจตาโดยจักษุแพทย์ปีละครั้ง (โดยเฉพาะคนอายุ > 40 ปี)
  • หากมีคนในครอบครัวเป็นต้อหิน ควรตรวจเร็วกว่าปกติ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาสเตียรอยด์โดยไม่จำเป็น
  • รักษาโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงให้ดี

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง (กรณีเป็นแล้ว)

  • ไม่หยอดยาตามสั่ง
  • ขาดการติดตามแพทย์
  • ขยี้ตา ก้มต่ำ หรือยกของหนัก

6 | การผ่าตัดรักษา (Surgical Treatments)

ใช้เมื่อยาหยอดหรือเลเซอร์ควบคุมความดันตาไม่ได้ หรือผู้ป่วยมีโรครุนแรง

6.1 Trabeculectomy

  • ผ่าตัดเปิดช่องระบายน้ำในตาใต้เยื่อบุตาขาว
  • ลดความดันตาได้มากและยาวนาน
  • ต้องติดตามภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลรั่ว หรือติดเชื้อ

6.2 Glaucoma Drainage Device (GDD)

  • ใส่ท่อเล็กๆ ในตาเพื่อนำน้ำออก
  • เหมาะกับต้อหินที่รักษายากหรือเคยผ่าตัดล้มเหลว

6.3 MIGS – Minimally Invasive Glaucoma Surgery

  • ผ่าตัดแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
  • เช่น iStent, XEN gel stent
  • มักใช้กับผู้ป่วยระยะเริ่มต้นหรือทำร่วมกับผ่าตัดต้อกระจก

6.4 เลเซอร์ทำลายจุดสร้างน้ำ (Cyclophotocoagulation)

  • ใช้ในรายที่ต้อหินรุนแรงใกล้ตาบอด
  • ยิงเลเซอร์ลดการสร้างน้ำในตา

หลังผ่าตัด:

  • หยอดยาป้องกันการอักเสบและติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงขยี้ตา ก้มต่ำ ยกของหนัก
  • ติดตามแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด

ต้อกระจก (Cataract)
โรคที่ทำให้เลนส์ขุ่นมัว ทำให้มองไม่ชัด แต่รักษาได้ด้วยผ่าตัด

1 | ความหมายของโรคต้อกระจก (What is Cataract?)

ต้อกระจก คือภาวะที่ “เลนส์แก้วตาขุ่นมัว” ซึ่งตามปกติเลนส์ภายในลูกตาจะใส ทำหน้าที่รวมแสงให้เห็นชัด หากเลนส์ขุ่น จะทำให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปยังจอประสาทตาได้ตามปกติ → เกิดภาวะ “ตามัว”

  • พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของการมองเห็นลดลงที่ รักษาได้

2 | สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง (Causes & Risk Factors)

สาเหตุที่พบบ่อย:

  • อายุ – เลนส์เสื่อมตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น
  • แสง UV – การตากแดดเป็นเวลานาน
  • ใช้ยาสเตียรอยด์ นาน ๆ
  • เบาหวาน ควบคุมไม่ดี
  • การกระทบกระเทือนหรือผ่าตัดตา
  • กรรมพันธุ์ หรือเกิดตั้งแต่กำเนิด

3 | อาการของโรค (Symptoms)

  • ตามัวลงเรื่อย ๆ เหมือนมีหมอกหรือฝ้า
  • มองเห็นแสงไฟกระจายตอนกลางคืน
  • เห็นภาพซ้อนในตาข้างเดียว
  • มองสีผิดเพี้ยน เช่น สีซีดลงหรือเหลืองลง
  • ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยขึ้น
  • แพ้แสง / มองไม่ชัดในที่สว่างจัด
  • อาการเกิดช้าและค่อยเป็นค่อยไป

4 | การรักษา (Treatment)

แพทย์จะตรวจโดย:

  • ใช้กล้องตรวจภายในตา (Slit Lamp) ดูความขุ่นของเลนส์
  • ทดสอบการมองเห็นและวัดค่าสายตา
  • วัดความดันตา
  • ตรวจจอประสาทตา (ถ้าเห็นไม่ชัดอาจรอตรวจหลังผ่าตัด)

5 | การป้องกัน (Prevention)

ระยะแรก:

  • เปลี่ยนแว่นตามการมองเห็นที่ลดลง
  • ปรับแสงสว่าง เพิ่มขนาดตัวหนังสือ
  • หลีกเลี่ยงแสงจ้า ใช้แว่นกันแดด
  • ไม่มี “ยาหยอด” หรือ “อาหารเสริม” ใดที่รักษาต้อกระจกได้

ระยะที่ต้อกระจกรบกวนการมองเห็น:

  • จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตา เท่านั้น

6 | การผ่าตัดต้อกระจก (Cataract Surgery)

วิธีการ:
ศัลยแพทย์จะใช้ เครื่องสลายเลนส์ด้วยคลื่นเสียง (Phacoemulsification) แล้วใส่ เลนส์แก้วตาเทียม (IOL – Intraocular Lens) เข้าไปแทน ทำด้วยยาชาหยอดตา ใช้เวลาผ่าตัดเพียง 15–30 นาที

ประเภทของเลนส์เทียม:

  •  เลนส์ระยะเดียว – มองไกลชัด ต้องใส่แว่นอ่านหนังสือ
  • เลนส์สองระยะหรือหลายระยะ – ลดการพึ่งแว่นตา
  • เลนส์กรองแสงฟ้า – ป้องกันแสง UV, เหมาะกับผู้ใช้คอมฯ มาก

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด:

  • ตรวจวัดลูกตาเพื่อเลือกเลนส์ที่เหมาะสม
  • ตรวจเลือด, ตรวจจอประสาทตา
  • หยุดยาบางชนิดตามคำแนะนำแพทย์

การดูแลหลังผ่าตัด:

  • หยอดยาฆ่าเชื้อและลดอักเสบอย่างสม่ำเสมอ 4–6 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงขยี้ตา ล้างหน้าแรง ก้มต่ำ
  • มองเห็นจะเริ่มชัดขึ้นภายใน 1–3 วันหลังผ่าตัด
  • พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามแผล

ข้อดี:

  • ปลอดภัยสูง >95% มองเห็นดีขึ้นอย่างชัดเจน
  • ฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

ความเสี่ยง (พบน้อยมาก):

  • ตาอักเสบ แผลรั่ว เลนส์หลุด
  • ต้อหินหรือจอประสาทตาผิดปกติที่อาจยังต้องดูแลต่อ

สัมผัสประสบการณ์ คุณภาพ และบริการเหนือระดับ
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย